การส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน

มิติใหม่ในการทำงานร่วมกัน

แบรนด์ โพสต์-อิท® มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย อาทิ โพสต์-อิท® ซูเปอร์ สติกกี้โน้ต ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายไปจนถึง โพสต์-อิท® แผ่นบอร์ดดราย อีเรซ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เราทราบดีว่าการทำงานร่วมกันไม่ได้จำกัดอยู่ที่เครื่องมือ หรือเทคนิคการทำงาน เพื่อเสนอมุมมองใหม่ในการทำงานร่วมกันและประโยชน์ที่จะได้รับ เราจึงได้ร่วมมือกับ The Motley Fool ผู้นำในการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียง เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจในวิธีการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาและพัฒนาการทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น.

แน่นอนว่า การทำงานร่วมกันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในการส่งเสริมนวัตกรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้มีผู้คิดค้นเทคนิคต่างๆ ซึ่งได้รับการอ้างว่าสามารถดึงศักยภาพของการทำงานร่วมกันของบริษัทคุณออกมาได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินอย่าง Motley Fool กลับมีความคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของโอกาสในการทำงานร่วมกันและประสิทธิภาพการทำงานที่ได้รับ.

พวกเขาเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้มีวิธีการ “เพียงหนึ่งเดียวที่เหมาะกับทุกสถานการณ์” ในการสร้างเสริมและกระตุ้นวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน” มาร์ค บรู๊คส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองแห่ง Motley Fool กล่าว “คุณต้องมองลึกลงไปในองค์กรและดูว่าอะไรที่ใช้ได้ผล.

“บางครั้งคุณต้องช่วยให้เกิด ‘การปะทะกัน’ ภายในบริษัท.”

“และบางครั้งคุณก็ต้องปล่อยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น เฝ้าสังเกตในขณะที่เกิดขึ้นและสร้าง/ทดลองจากจุดนั้น.”

ตัวอย่างเช่น องค์กรที่มักเลี้ยงพิซซ่าเป็นอาหารกลางวันเพื่อให้พนักงานได้มารวมตัวกัน แม้ว่าเราอาจจะมองไม่เห็นข้อดีในเบื้องต้น แต่ความเป็นไปได้ของประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำงานร่วมกันนั้นมีมากมายมหาศาล.

“อย่างแรกเลยคือ การได้กินพิซซ่าฟรีไม่ใช่เรื่องที่เราจะมองข้ามไปง่ายๆ” บรู๊คส์กล่าว “แต่อาหารและการสนทนามักจะไปด้วยกันได้ดี และด้วยการสนทนากัน พนักงานจึงมีแนวโน้มที่จะทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าพวกเขามุ่งหวังในสิ่งใด พวกเขาสื่อสารกันอย่างไร ฯลฯ นี่อาจไม่ใช่การทำงานร่วมกันอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถนำไปสู่การทำงานร่วมกันได้ในอนาคต เพราะเรามีโครงการใหม่ๆ ที่อาจทำให้พนักงานจากหลากหลายสาขาและมีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน มารวมตัวกันได้.”

“การปะทะกัน” ภายในบริษัทมักจะเกิดขึ้นในรูปแบบของเกมการแข่งขันและงานอีเวนท์ต่างๆ ที่บริษัทเป็นที่รู้จักในแง่นั้น นอกจากจะเป็นเจ้าภาพจัด Foolympics แล้ว (กิจกรรมของบริษัทที่ใช้เวลาสองสัปดาห์ โดยมีทีมต่างๆ ร่วมแข่งขันกันฝ่าด่านต่างๆ) องค์กรยังสามารถนำผู้คนหลากหลายมารวมกันได้โดยผ่านกิจกรรมที่เล็กกว่าที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง.

“เราพยายามเลี่ยงกิจกรรมการทำงานร่วมกันแบบเดิมๆ” ท็อด เอทเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทำงานร่วมกันกล่าว “ตัวอย่างเช่น เรากำหนดให้มีวันออกรอบมินิกอล์ฟ โดยจะมีทีมสร้างหลุมสำหรับการแข่งขันนี้ เพื่อให้ทั้งบริษัทสามารถเล่นได้.

“วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคิดของแต่ละทีมด้วยวิธีใหม่ๆ และช่วยให้พวกเขาเข้าใจในความสามารถของกันและกันด้วยวิธีใหม่ๆ.”

“นอกจากนี้ เรายังจัดให้มีกิจกรรมสวนสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ซึ่งพนักงานสามารถออกมานั่งชิลๆ กับเหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงได้เป็นชั่วโมง เราเรียนรู้ว่าเมื่อพนักงานได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ พวกเขาจะรู้สึกมีแรงกระตุ้นและพูดคุยกันเกี่ยวกับโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น เปรียบเทียบกับในอดีตที่เรามักจะบอกว่า “วิธีนี้เคยใช้ได้ผลมาแล้ว ลองดูอีกสักครั้งเถอะ” สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ที่บริษัททำขึ้น สามารถสร้างประโยชน์ที่น่าตื่นเต้นได้อย่างแท้จริง ขอเพียงแค่ให้ผู้คนและทีมงานได้เรียนรู้วิธีคิดแบบใหม่เท่านั้น.”

นอกจากนี้ การสะท้อนความคิดเห็นยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจากนำมาซึ่งเทคนิคและยุทธวิธีการทำงานร่วมกันแบบใหม่ อีกทั้งยังเป็นการทดสอบเทคนิคเหล่านั้นอีกด้วย เราสามารถมองเห็นภาพของวิธีการนี้ได้จากการใช้งานเฟอร์นิเจอร์สำนักงานของพวกเขา.

เมลิสซา มาลิโนว์สกี ผู้อำนวยการด้านวัฒนธรรมองค์กร บันทึกไว้ว่า “ในปี 2011 เราย้ายทุกแผนกในองค์กรเข้าไปอยู่ในอาคารหลังหนึ่ง และรอฟังความคิดเห็นว่าจะจัดแต่ละชั้นของสำนักงานอย่างไร ความคิดเห็นที่เราได้รับมากที่สุดมาจากฝ่ายเทคนิคของเรา พร้อมๆ กับการตระหนักว่าด้วยเหตุที่เทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงต้องมีความยืดหยุ่นในที่ทำงาน.”

คำตอบที่ทุกคนเห็นพ้องกันเป็นคำตอบง่ายๆ นั่นคือ การติดล้อให้กับเฟอร์นิเจอร์สำนักงานทุกชิ้นที่วางบนพื้น.

“ความยืดหยุ่นทางกายภาพของสถานที่ทำงาน ทำให้เรามีความยืดหยุ่นในทีมงานด้วย เราใช้เวลาทั้งเดือนเพื่อกำหนดแผนผังของทั้งชั้นใหม่ ตอนนี้ใช้เวลาเพียง 90 นาทีเท่านั้นในการย้ายคน 80 คน เราสามารถสร้างทีมทำงานใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และจัดการตัวเองให้อยู่ในรูปแบบใดก็ได้ตามที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งปรับเปลี่ยนพื้นที่การทำงานเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ยินเสียงของอีกฝั่งได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเรามีอิสระในการจับคู่ผสมผสานทีมงานต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ เราจึงสามารถทดสอบวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจของเราโดยไม่จำเป็นต้องหยุดการทำงานประจำวันเพราะปัญหาเรื่องลอจิสติกส์ และเราต้องขอบคุณทีมเทคนิคของเราที่ช่วยให้เรามีโซลูชันสำหรับวิธีคิดแบบ “บนลงล่าง” (top-down) .
 

ในขณะที่บางบริษัทมองว่าวิธีการต่างๆ ที่เป็นนวัตกรรมในการทำงานร่วมกันนี้เป็นสิ่งมีค่า และผู้คิดค้นควรเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่ Motley Fool กลับเชื่อว่าสิ่งที่ค้นพบเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันนั้นควรได้รับการเผยแพร่สู่ภายนอกเช่นกัน.

“เราเชื่อว่าไอเดียอาจมาจากที่ใดก็ได้ และถ้าภายนอกองค์กรสามารถพัฒนาโซลูชันใหม่ได้ แล้วทำไมเราถึงไม่สนใจมันล่ะ” มาลิโนว์สกีกล่าว.

“เมื่อเราอยู่ในภาวะการเติบโตแบบฉุดไม่อยู่ เรามองไปยังบริษัทอื่นๆ ที่เราชื่นชมและได้ประโยชน์จากประสบการณ์และความคิดเห็นของพวกเขา เพื่อให้พวกเรามีมุมมองที่หลากหลายอีกครั้ง.”

“เราต้องการสร้างความสัมพันธ์กับบริษัทอื่นๆ เพื่อจุดประสงค์นี้ และเราถึงขั้นกำหนดตำแหน่งของบริษัทเพื่อมุ่งช่วยเหลือพันธมิตรนอกองค์กรเหล่านี้เป็นการเฉพาะ.”

“ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณฟังแต่เสียงตัวเอง คุณก็จะไม่ได้ยินบทสนทนาอื่นๆ ที่น่าสนใจกว่า.”